นวนิยายเรื่อง ข้างหลังภาพ
ของ ศรีบูรพา
คุณหญิงกีรติ กับ นพพร
คือตัวละครหลัก ที่ได้ดำเนินเรื่องราว และถูกสร้างขึ้นมาจากจินตนาการของผู้ประพันธ์ โดยที่
“คุณหญิงกีรติ” คือสาวผู้สูงศักด์ จากชนชั้น “เจ้า” หรือ ชนชั้น “ศักดินา” ที่เมื่ออายุมากขึ้น
จำเป็นต้องแต่งงานกับคนที่ตัวเองมิได้นึกรัก หากแต่งไปเพราะความจำเป็นในชีวิต และความต้องการ
ที่จะได้เรียนรู้โลกภายนอก เพื่อเปิดโลกใหม่ให้กับชีวิตของเธอ ส่วน “นพพร” คืออีกหนึ่งตัวละคร
ที่เป็นผู้บรรยายความรู้สึกของตัวเองออกมาตลอดทั้งเรื่อง โดยผู้ประพันธ์ได้รังสรรค์ให้นพพร
เป็นหนุ่มนักเรียนจากเมืองไทย ที่มาเรียนในประเทศญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยริคเคียว
เรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ เพื่อจบและทำงานออกไปเป็นเจ้าคนนายคน อีกทั้งยังได้สร้างนพพร
ให้อยู่ในฐานะที่ “ด้อย” กว่าคุณหญิงกีรติ โดยเฉพาะฐานะ ที่ทำให้ นพพรเป็นบุคคลในชนชั้นกลาง
อีกทั้งยัง “ด้อย” กว่า ในเรื่องของ “อายุ” อีกด้วย
ณ ที่ญี่ปุ่นนั้นเอง “คุณหญิงกีรติ” ได้พบกับ “นพพร” เมื่อครั้งที่สามีของคุณหญิงกีรติได้พาไปเที่ยวญี่ปุ่น และนพพร ได้ถูกขอร้องให้ช่วยจัดหาบ้านพักและนำสถานที่เที่ยวด้วย ด้วยความที่ คุณหญิงกีรติ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวัยล่วงมาถึง 35 ปีมาแล้วนั้น แต่ความสวยก็มิได้สร่างซาลงไป เพราะเป็นคุณลักษณะของสตรีสมัยใหม่ที่ต้องรู้จักบำรุงและดูแลตัวเอง เพื่อรักษาความงามเอาไว้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ นพพร รู้สึกสะดุดตาสะดุดใจอยู่ในที ประกอบกับกิริยามารยาทอันอ่อนช้อยงดงาม สมกับเป็น “กุลสตรีไทย” ที่ดูเหมือนว่าจะถูกอบรมมาเป็นอย่างดี ในความเป็นผู้ดีทุกระเบียดนิ้วของคุณหญิงกีรติ ทั้งหมดทั้งมวล จึงน่าจะทำให้ นพพร รู้สึกชอบในตัวคุณหญิงกีรติเป็นอย่างมาก อีกทั้งด้วยความที่เป็นนักเรียนนอก มิได้เจอกับสุภาพสตรีหญิงไทย ผู้งดงามไปด้วยทั้งกิริยาวาจา และจิตใจ ประกอบกับการสนิทสนมของทั้งสองคน ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่งดงามของญี่ปุ่น รวมถึงความเปล่งปลั่งงดงามของคุณหญิงกีรติ จึงทำให้ นพพร
ผู้ที่ไร้เดียงสาในเรื่องของความรัก ก็เกิดความนึกรักคุณหญิงกีรติขึ้นมานั่นเอง
จากความสนิทสนมชิดเชื้อซึ่งกันและกันระหว่างนพพร กับ คุณหญิงกีรติ ซึ่งนานวันที่อยู่ด้วยกันที่ญี่ปุ่น เกือบจะสองเดือน นพพรก็ยิ่งหลงรักคุณหญิงมากยิ่งขึ้น กอปรกับการเป็นรักแรกในวัยหนุ่มของนพพรด้วยนั่นเอง แต่ก็เป็นรักที่นพพรมิอาจเอื้อมถึง เพราะทั้งที่แก่ใจรู้อยู่ดีว่า คุณหญิงกีรติมีชายอื่นเป็นเจ้าของอยู่แล้ว ซึ่งที่นพพรเฝ้าคิดอยู่เสมอก็คือ นพพร ไม่เข้าใจว่า ทำไมหญิงผู้สูงศักดิ์ มากด้วยความฉลาดล้ำลึก มีความสวยงามและสง่างามอยู่ในทีอย่างคุณหญิงกีรติ ทำไมถึงต้องยอมแต่งงานกับชายแก่วัยพ่อ ซึ่งนพพรได้เพียรพยายามถามครั้งแล้วครั้งเล่า กีรติก็เลี่ยงที่จะตอบ จนกระทั่งเมื่อถึงวันที่ได้ไปเที่ยวที่เขามิตาเกะด้วยกัน กีรติผู้ซึ่งวางตัวสง่างามอยู่เนืองนิตย์ ก็ได้กลับกลายเป็นสาวน้อยผู้ร่าเริงสดใส ท่ามกลางแมกไม้และสายน้ำลำธาร จนกระทั่งในที่สุด นพพรก็ได้สารภาพรักกับกีรติที่ริมรำธารนั้นนั่นเอง
หลังจากนั้น นพพรก็ได้ถามคุณหญิงกีรติอยู่เสมอว่า
“คุณหญิงรักผมไหม”
แต่กีรติกลับตอบไม่ตรงกลับคำถามเลย
จวบจนกระทั่งมาถึงวันที่ต้องแยกจากกัน เพราะคุณหญิงกีรติต้องเดินทางกลับประเทศไทย
ต่อมา ท่านเจ้าคุณอธิการบดี สามีของคุณหญิงได้เป็นวัณโรคและเสียชีวิต จึงทำให้กีรติกลับมาเป็นโสดอีกครั้งหนึ่ง กีรติจึงได้วาดภาพ “ริมลำธาร และรอคอยนพพรที่จะกลับมา ตอนนั้น หัวใจของกีรติได้เปิดประตูสู่นพพรไปแล้ว แต่เสียทว่า เมื่อนพพรกลับมา ความรักอันหวานชื่นของนพพรได้ร้างลาลงไป
นพพรได้แต่งงานใหม่กับคู่หมั้นที่ครอบครัวหาให้ จนกระทั่ง เมื่อคุณหญิงกีรติ กลับกลายเป็นโรควัณโรค และป่วยหนัก กว่าจะรู้ตัว นพพรก็ได้ไปเยี่ยมคุณหญิงที่บ้านบางกะปิ จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต ก่อนคุณหญิงสิ้น คุณหญิงได้เขียนอักษรบนกระดาษแผ่นหนึ่ง ซึ่งคุณหญิงพยายามที่จะบอกกล่าวแก่นพพร หากแต่เธอมิมีเรี่ยมแรงที่จะเอื้อนเอ่ยวาจานั้นออกไป และสุดท้าย ก็กลายมาเป็นประโยคสุดคลาสสิคในนวนิยายเรื่องนี้ที่ว่า
“ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น